"วัดลอยฟ้า นำธรรมะ สู่ปวงประชา ทั่วฟ้าทั่วดิน"

ดร.พระมหาจรรยาสุทฺธิญาโณ

 

บทความ

เชื่ออย่างไรดี

บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่กำลังรอรถเมล์ ที่ป้ายรถเมล์หน้าสถาบันการศึกษาแหงหนึ่ง หนุ่มคนหนึ่งรูปร่างสูง หน้าตาดีในมือถือตำราเรียนมาหลายเล่มตรงมาที่อาตมา ไม่รอช้า ยิงคำถามใส่ทันทีว่า “คุณมาจากประเทศไหน”

อาตมาก็ตอบว่า “มาจากประเทศไทย”

นักศึกษาคนนี้ถามต่อไปว่า “คุณทำอาชีพอะไร”

อาตมาก็ตอบว่า “ฉันเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ก็ไม่ถึงกับเป็นอาชีพ แต่เป็นงานอาสาสมัครสอนพุทธศาสนาแก่คนทั่วไปที่สนใจ”

เขาก็ถามต่อไปว่า “คุณเป็นพระมานานแค่ไหน”

จึงตอบไปว่า “ถ้านับตั้งแต่ฉันเริ่มบวชเป็นสามเณรมาเลย ฉันบวชนานถึง 45 ปี”

เขาก็ถามต่อไปว่า “ศาสนาพุทธ เชื่อในพระเจ้าไหม”

อาตมาต้องออกตัวก่อนว่า “ถ้าฉันตอบตรงๆ คุณจะโกรธฉันไหม”

เขาบอกว่า “ตอบมาเลยตอบอย่างไรก็ได้ ที่นี่อเมริกามีเสรีภาพทางศาสนาสูง”

อาตมาตอบไปว่า “ถ้าคุณมั่นใจว่า คุณฟังคำตอบจากแล้วไม่โกรธ ไม่ด่า ไม่ทำร้ายฉัน ฉันก็จะตอบตามตรง ว่า ฉันไม่เชื่อในพระเจ้า แต่ฉันเชื่อพลังแห่งการกระทำของมนุษย์ ผลผลิตต่างๆที่ทยอยออกมาสู่สายตามนุษย์ล้วนมาจากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น ฉันจึงเชื่อในพลังแห่งการทำ การพูดและการคิด ของมนุษย์ที่สามารถขับเคลื่อนโลกให้เป็นตามเจตนารมณ์และการกระทำร่วมกัน”

เขาฟังด้วยอาการสงบนิ่งและครุ่นคิดแล้วแสดงความเห็นว่า “ฉันก็ไม่เชื่อพระเจ้า และไม่เชื่อมนุษย์ด้วย”

อาตมาจึงตอบว่า “คำตอบของคุณ ก็นับเป็นศาสนาศาสนาหนึ่ง”

เขารีบแย้งว่า “ฉันไม่เชื่อศาสนาใดเลยนะ ฉันคิดฉันจึงพูดออกมา มิได้พูดจากคำสอนใครเลย”

อาตมาถามว่า “นั่นคือเสรีภาพทางศาสนาที่คุณพูดถึงใช่ไหม”

เขาครุ่นคิดแล้วตอบอย่างระมัดระวังว่า “แล้วแต่คุณจะคิด แต่ฉันไม่ได้เชื่อใคร หรือ คัมภีร์ใดๆ”

อาตมาย้ำว่า “แต่เสียงที่คุณเปล่งออกมาเรื่องเสรีภาพ ฟังคล้ายๆถ้อยคำในรัฐธรรมนูญอเมริกันทีเดียว”

หนุ่มตอบว่า “มันอาจจะคล้ายได้แต่ฉันมิได้เชื่อแม้ถ้อยคำในรัฐธรรมนูญทั้งหมด”

อาตมาถาม “คุณเรียนอยู่สถาบันนี้หรือเปล่า”

เขาตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ใช่”

“คุณเรียนทำไมละ” อาตมาถามจุดประสงค์

เขาตอบอย่างเป็นสามัญชนมากขึ้นว่า “เพราะต้องการมีงานทำดีๆ”

“คุณเรียนวิชานักเทศน์ตามโบสถ์หรือเปล่า” อาตมาถามเขาต่อ

เขารีบตอบทันทีว่า “ฉันเรียนวิศวะคอมพิวเตอร์”

อาตมาคุยต่อว่า “แหม ฉันคิดว่า คุณเป็นศาสนาจารย์เสียอีก”

เขาตอบอย่างฉะฉานว่า “ฉันมีเหตุผลที่จะไม่เรียนอย่างที่คุณคิด คือ หางานทำยาก และฉันก็ไม่เชื่อพระเจ้าและมนุษย์หน้าไหนเสียด้วย”

อาตมาถาม “หนังสือคุณถือหนาๆนี่ หนังสืออะไรเหรอ”

เขาหันมามองหน้าแล้วตอบว่า “หนังสือเรียนไง ฉันยืมไปอ่านทำงานต่อที่บ้าน”

“คุณทำงานอะไรที่บ้านเหรอ” อาตมาถาม

เขาบอกว่า “อาจารย์ที่สอนจะมอบงานให้นักศึกษาไปทำงานมาส่งอาจารย์ ตามที่หลักสูตรกำหนด เป็นกระบวนการเรียนรู้ชนิดหนึ่ง”

อาตมาจึงพูดกับเขาว่า “ฉันพอจะเห็นอะไรบางอย่าในตัวคุณขึ้นมาแล้วละ เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลย สิ่งนี้จะเป็นตัวชี้ว่า คุณจะเรียนจบหรือไม่ แต่ฉันคิดว่า คุณเรียนจบแน่ๆ”

เขาถามว่า “คุณไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยแล้วคุณจะรู้ว่าใครเรียนจบหรือไม่จบอย่างไร”

อาตมาจึงถามว่า “คุณเชื่อฉันไหม”

เขาตอบเฉไฉว่า “ฉันตอบคุณตอนนี้ไม่ได้เวลายังมีอีกนาน”

อาตมาจึงย้ำว่า “คุณต้องจบและมีความรู้ดีเสียด้วย”

เขาถามว่า “ทำไมคุณคิดอย่างนั้น”

อาตมาจึงตอบว่า “เพราะคุณมีความเชื่อ”

เขารีบปัดว่า “ฉันไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น”

อาตมาจึงบอกเขาว่า “คุณจะโกรธไหม หากฉันจะชี้ให้คุณเห็นว่า คุณก็มีความเชื่ออีกแบบหนึ่งที่ง่ายๆไม่สลับซับซ้อนแล้วคุณก็เดินตามความเชื่อนั้นอย่างว่าง่าย”

  1. คุณเชื่อค่านิยมของสังคมที่ว่า การเรียนวิชาเทววิทยาหางานได้ยากกว่าวิศวะคอมพิวเตอร์ นี่เป็นความเชื่อที่หาตัวตนผู้สอนไม่ได้แน่ว่าใครสอนแต่คุณเดินตามอย่างเชื่อมั่น
  2. เมื่อคุณมาเป็นนักศึกษาแทนที่คุณจะเป็นเสรีชน เชื่อตนเองแต่คุณกลับเชื่ออาจารย์ของคุณที่สั่งให้คุณหอบหนังสือไปบ้านแล้วทำงานมาส่ง
  3. คุณอาจจะไม่เชื่อคัมภีร์ไบเบิ้ลหรือพระไตรปิฎกหรือคัมภีร์ในศาสนาใดแต่ คุณกำลังเชื่อคัมภีร์คอมพิวเตอร์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ขอโทษ คุณยืมหนังสือพวกนี้ไปอ่านแล้วทำงานตามที่หนังสือนี้สั่งใช่ไหม แค่นั้นยังไม่พอคุณจะต้องอ้างอิงเพื่อแสดงความเชื่ออย่างซื่อตรงว่า ความคิดนี้ คุณไม่ได้คิดเอาเองแต่คุณเชื่อหนังสือเล่มนี้ เท่าที่ฉันคุยกับคุณมาอย่างน้อยก็รู้ว่า คุณก็มีความเชื่อ แล้วคุณจะประสบความสำเร็จในการเรียน เพราะพระพุทธเจ้าของฉันตรัสไว้ชัดเลยว่า สัทธา สาธุ ปติฏฺฐิตา ศรัทธาที่ตั้งมั่นแล้วย่อมยังประโยชน์ให้สำเร็จ

เขารีบเถียงเพื่อรักษาหน้าว่า “ฉันไม่เชื่อคำศาสดาของคุณ”

อาตมาจึงตอบเขาแบบเปิดกว้างว่า “ถ้าคุณไม่ต้องการเรียนจบ ก็ต้องล้างความเชื่อที่คุณบอกมาให้หมดแม้แต่ความเชื่อที่ว่ามหาวิทยาลัยจะทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม ไม่เชื่อทั้งตำรา ไม่เชื่อทั้งอาจารย์ ไม่เชื่อแม้ในระบบคอมพิวเตอร์ ฉันขอยืนยันว่า คุณไม่มีวันเรียนจบ แต่ถ้าคุณยังเหลือความเชื่อที่จะอำนวยประโยชน์แก่คุณไว้บ้างโอกาสเรียนจบก็จะมี”

“ที่ฉันพูดมาทั้งหมดนี้ คุณไม่ต้องเชื่อเลย แต่คุณถามใจตัวเองดูว่า คุณอยากจะจบการศึกษาหรือจะไม่จบ”

ยังไม่ทันที่เขาจะแย้งต่อ รถเมล์คันที่เขารอก็ผ่านมา เขาจึงรีบวิ่งไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้อาตมายืนโต้ลมหนาวรอรถกลับวัดอย่างเดียวดายท่ามกลางฝูงชน เพราะไม่มีใครสนใจจะมาคุยด้วยอีกนั่นเอง

 

วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย

วันที่ 7 สิงหาคม 2560 เวลา 21.45 น.

Apertura de cuenta bet365.es